สำหรับผู้ใดที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว รักในการเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ แต่พอเข้าสู่ปีใหม่ ปี 2019 แล้วอยากจะออกไปเที่ยวแต่ดันยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน มาลองดูสถานที่ต่อไปนี้กันดีกว่า ทางด้านของ โลนลี แพลนเน็ต (Lonely Planet) สำนักพิมพ์ชื่อดัง และนักเขียนผู้เชี่ยวชาญ ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อประเทศทั้ง 10 ประเทศที่น่าไปเยือนในปี 2018 ซึ่งประเทศเหล่านี้จัดเป็นประเทศที่สมบูรณ์ทั้งทางด้านธรรมชาติ และด้านวัฒนธรรม จากประสบการณ์ของผู้ที่ชำนาญการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนกันบ้างนะ กับ ’10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในปี 2019′
1. ประเทศชิลี (Chile)
ประเทศชิลี (Chile) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศที่โดดเด่นมากๆ เพราะทางด้านตะวันตกของประเทศชิลี (Chile) นั้นได้ทอดยาวขนานไปกับมหาสมุทรแปซิฟิก โดยพื้นที่ทางตะวันออกก็ขนานไปกับเทือกเขาแอนดีส จึงทำให้ประเทศชิลี (Chile) เป็นประเทศที่มีธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมโบราณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศชิลี (Chile) นั่นก็คือ เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) แห่งตำนานโมอาย (Moai) สาเหตุที่ทำให้เกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานแห่งโมอาย เพราะว่าทั่วทั้งเกาะมีหินโมอายกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ โดยโมอายเป็นหินรูปปั้นที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคน โดยรูปปั้นนี้ มีส่วนศีรษะที่ใหญ่โตชัดเจน โมอายที่พบบนเกาะแห่งนี้มีจำนวนมากกว่า 600 ตัว และกระจัดกระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ (Easter Island) ภายในอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี
2. ประเทศเกาหลีใต้ (Korea)
ประเทศเกาหลีใต้ (Korea) เป็นประเทศที่นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ต่างๆมากมายแล้ว นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม หรือวัฒนธรรมสมัยใหม่ก็ล้วนแต่มีเสน่ห์ ประเทศเกาหลีใต้ (Korea) มีสภาพภูมิอากาศที่ดีตลอดทั้งปี ยิ่งทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นประเทศที่น่าหลงใหลได้อย่างง่ายดาย สำหรับใครอยากเที่ยวแบบชมธรรมชาติ ประเทศเกาหลีใต้ (Korea) ก็มีทั้งป่าเขา และท้องทะเลกว้างให้ไปสัมผัส หรือถ้าอยากเรียนรู้วัฒนธรรมโบราณ ของชาวพื้นเมือง ก็สามารถไปท่องเที่ยว เยี่ยมชมพระราชวังเก่าแก่ได้ง่ายๆ ในกรุงโซล หรือถ้าอยากเป็นนักท่องเที่ยวสายฮิปสเตอร์ ตอนนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวเก๋ๆ เกิดขึ้นใหม่มากมาย รวมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟบรรยากาศดีหลากหลายแห่งที่จะทำให้คุณหลงรักประเทศเกาหลีใต้ (Korea) แบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ
3. ประเทศโปรตุเกส (Portugal)
ด้วยความที่ประเทศโปรตุเกส (Portugal) ตั้งอยู่ปลายสุดทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนคงหลงลืมที่จะไปค้นหาความงดงามที่ซ่อนอยู่ที่นี่ ซึ่งถ้าคุณได้ลองข้ามผ่านประเทศสเปน ก้าวเข้ามาเยือนยังประเทศโปรตุเกส (Portugal) ดูสักครั้ง คุณจะต้องหลงใหลประเทศที่อยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างประเทศโปรตุเกส (Portugal) แห่งนี้อย่างแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่าธรรมชาติของที่นี่ก็สวยไม่แพ้ที่ไหนๆ ในโลก มีรากเหง้าของวัฒนธรรมที่โดดเด่นซึ่งยังคงหลงเหลือ และตกทอด คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
4. ประเทศจิบูตี (Djibouti)
หลายคนคงจะต้องร้องถามแน่นอนว่าโลกนี้มีประเทศที่ใช้ชื่อว่า จิบูตี (Djibouti) ด้วยหรือ? สำหรับประเทศจิบูตี (Djibouti) เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา มีเนื้อที่เพียงแค่ประมาณ 23,200 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ทางด้านตะวันตกติดกับประเทศเอธิโอเปีย ส่วนทางตะวันออกจะติดกับอ่าวเอเดน และทะเลแดง
5. ประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand)
ถึงแม้ว่าประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand) จะตั้งอยู่ไกลสุดในใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ แต่นักเดินทางจากทั่วโลกก็ยังคงต้องการที่จะไปเยี่ยมชม และทำความรู้จักกับประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand) แห่งนี้ ด้วยภูมิประเทศที่สวยงาม ครบถ้วนไปด้วยธรรมชาติหลากหลายแบบ ผู้คนมาจากหลากหลายเชื้อชาติ และหลากหลายวัฒนธรรม แต่ทุกคนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
6. ประเทศมอลตา (Malta)
ประเทศมอลตา (Malta) เป็นประเทศที่นักเดินทางตัวยง ได้กล่าวไว้ว่าเป็นเพชรเม็ดงามของยุโรป หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูหรือแทบไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้จักกับประเทศมอลตา (Malta) แห่งนี้เลยก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่าประเทศมอลตา (Malta) เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีพื้นที่แค่เพียง 316 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น เรียกว่าเล็กกว่าเกาะช้าง จังหวัดตราด ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ และนอกจากนี้ยังตั้งอยู่กลางทะเลสาบเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ประเทศมอลตา (Malta) เหมือนกับเป็นเพียงเกาะเกาะหนึ่งในพื้นทะเลกว้างใหญ่เท่านั้น
7. ประเทศจอร์เจีย (Georgia)
ประเทศจอร์เจีย (Georgia) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทะเลดำในภูมิภาคคอเคซัส ซึ่งทางเหนือนั้นจะติดกับประเทศรัสเซีย ทางใต้ติดกับประเทศตุรกี ประเทศอาร์มีเนีย และประเทศอาเซอร์ไบจาน ซึ่งแน่นอนว่าประเทศจอร์เจีย (Georgia) แห่งนี้ต้องมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาอย่างแน่นอน ผ่านร้อนผ่านหนาวด้านสงคราม และความขัดแย้งทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ในอดีตการที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งจะเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศจอร์เจีย (Georgia) แห่งนี่จึงดูเป็นเรื่องบ้าไปสักเล็กน้อย แต่ในปัจจุบันประเทศจอร์เจีย (Georgia) เป็นประเทศที่มากด้วยเสน่ห์อันล้นหลาม
8.ประเทศมอริเชียส (Mauritius)
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ชื่อของประเทศมอริเชียส (Mauritius) ได้กลายมาเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย และชาวไทยมากยิ่งขึ้น เพราะสายการบินโลว์คอสต์ต่างๆ ได้เปิดเส้นทางบินเส้นทางใหม่บินตรงไปเยือนยังเกาะสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้ ที่สำคัญการเดินทางเข้าสู่ประเทศมอริเชียส (Mauritius) แห่งนี้ชาวไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าอีกด้วย และสามารถขอ Visa on Arrival ได้เลยทันทีที่สนามบินมอริเชียส
9.ประเทศจีน (China)
แต่ก่อนนั้นเรามักจะคุ้นเคยกับภาพของนักท่องเที่ยวสูงวัยที่มักจะเดินทางไปท่องเที่ยว หรือเยี่ยมเยือนยังประเทศจีน (China) เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าคนจีนนั้นได้แพร่กระจายไปอยู่ทั่วโลก การได้เดินทางกลับไปเยี่ยมเยือนแผ่นดินเกิดสักครั้งจึงได้รับความนิยมจากผู้สูงวัยค่อนข้างมาก แต่ในปัจจุบัน เมื่อโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ประเทศจีน (China) ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ที่นี่จึงไม่ใช่เพียงแค่สถานที่พบปะสังสรรค์ของญาติมิตรเพียงเท่านั้น แต่มันได้กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทุกเพศทุกวัยจากทั่วโลกเลย
10.ประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa)
สำหรับบางคนอาจจะเคยได้ยิน หรือรู้จักกับประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) แห่งนี้ผ่านการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 เพราะผู้ที่คว้าตำแหน่งนี้ไปครองนั่นก็คือสาวงามจากประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) นั่นเอง แต่สำหรับนักเดินทางแล้วประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) ถือได้ว่าเป็นประเทศที่อยู่ในใจของพวกเขามายาวนานแล้ว เพราะประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) เป็นประเทศที่งดงามทั้งด้านธรรมชาติ และด้านวัฒนธรรม เป็นแหล่งรวมความหลากหลายของผู้คน นอกจากนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปแอฟริกา และทวีปอื่นๆ เมืองหลวงอย่างเมืองเคปทาวน์ (Cape Town) ก็ติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกมาหลายโพลแล้วด้วย